โลกธรรม 8 หมายถึง ธรรมดาของโลก ธรรมชาติของโลก ประกอบด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทาว่าร้าย ทุกข์ เว็ปติวฟรีได้รวบรวมสรุปโลกธรรม 8 พร้อมความหมายของแต่ละประการ
โลกธรรม 8 คือธรรมดาของโลก ธรรมชาติของโลก
โลกธรรม 8 หมายถึง เรื่องของ โลกมีอยู่ประจำกับชีวิต สังคมและโลกของมนุษย์เป็นความจริงที่ทุกคนต้องประสบด้วยกันทั้งนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ข้อแตกต่างคือ ใครประสบมาก ประสบน้อย ช้าหรือเร็ว โลกธรรมแบ่งออกเป็น 8 ชนิด จำแนกออกเป็น 2 ฝ่ายควบคู่กันและมีความหมายตรงข้ามกัน
โลกธรรม 8 หมายถึง ธรรมดาของโลก เรื่องของโลก ธรรมชาติของโลกที่ครอบงำสัตว์โลกและสัตว์โลกต้องเป็นไปตามธรรมดานี้ 8 ประการ คำว่า โลกธรรม 8 แปลว่า ธรรมดาของโลก, เรื่องของโลก, ความเป็นไปตามคติธรรมดาซึ่งหมุนเวียนมาหาสัตว์โลกและสัตวโลกก็หมุนเวียนตามมันไป ซึ่งกำหนดเอาไว้ทั้งหมด 8 ประการด้วยกันคือ
อิฏฐารมณ์ คือ พอใจของมนุษย์ เป็นที่รักเป็นที่ปรารถนา | |
ลาภ | ได้ผลประโยชน์ ได้มาซึ่งทรัพย์ |
ยศ | ได้รับฐานันดรสูงขึ้น ได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโต |
สรรเสริญ | ได้ยิน ได้ฟัง คำสรรเสริญคำชมเชย คำยกย่อง เป็นที่น่าพอใจ |
สุข | ได้ความสบายกาย สบายใจ ความเบิกบาน บันเทิงใจเริงใจ |
อนิฏฐารมณ์ คือ ความไม่พอใจของมนุษย์ ไม่เป็นที่ปรารถนา | |
เสื่อมลาภ | เสียลาภไป ไม่อาจดำรงอยู่ได้ |
เสื่อมยศ | ถูกลดอำนาจความเป็นใหญ่ |
นินทาว่าร้าย | ถูกตำหนิติเตียนว่าไม่ดี ถูกติฉินนินทา หรือถูกกล่าวร้ายให้เสียหาย |
ทุกข์ | ได้รับความทุกขเวทนา ทรมานกาย ทรมานใจ |
โลกธรรมเหล่านี้ ย่อมเกิดขึ้นทั้งแก่ปุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ และแก่อริยสาวกผู้ได้เรียนรู้ ต่างกันแต่ว่า คนพวกแรกย่อมไม่รู้เห็นเข้าใจตามความเป็นจริง ลุ่มหลง ยินดียินร้าย ปล่อยให้โลกธรรมเข้าครอบงำย่ำยีจิต ฟูยุบเรื่อยไปไม่พ้นจากทุกข์ มีโสกะปริเทวะ เป็นต้น ส่วนอริยสาวกผู้ได้เรียนรู้ พิจารณาเห็นตามเป็นจริง ว่า สิ่งเหล่านี้อย่างใดก็ตามที่เกิดขึ้นแก่ตน ล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ไม่หลงใหลมัวเมาเคลิ้มไปตามอิฏฐารมณ์ ไม่ขุ่นมัวหม่นหมอง คลุ้มคลั่งไปในเพราะอนิฏฐารมณ์ มีสติดำรงอยู่ เป็นผู้ปราศจากทุกข์ มีโสกะ ปริเทวะ เป็นต้น
โลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ คือ ฝ่ายที่มนุษย์พอใจมี 4 เรื่อง คือ
1. ลาภ
ลาภ หมายถึง การได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ เช่น ทรัพย์สมบัติ ตำแหน่งหน้าที่ ความรัก ความชื่นชม เป็นต้น ลาภเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาที่จะประสบพบเจอ เพราะลาภสามารถนำมาซึ่งความสุข ความสบายกายสบายใจ และความมั่นคงในชีวิต
ตัวอย่างของโลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ในชีวิตประจำวัน
- ลาภด้านทรัพย์สมบัติ เช่น ได้รับมรดก ได้รับเงินก้อนโต ได้รับตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี ได้รับความรักความชื่นชมจากผู้อื่น เป็นต้น
- ลาภด้านยศ เช่น ได้รับเลื่อนตำแหน่ง ได้รับรางวัล ได้รับเกียรติยศ เป็นต้น
- ลาภด้านสรรเสริญ เช่น ได้รับคำชมเชยจากหัวหน้างาน ได้รับคำยกย่องจากเพื่อนร่วมงาน ได้รับคำชื่นชมจากสังคม เป็นต้น
- ลาภด้านสุข เช่น มีความสุขกายสบายใจ ได้รับความสุขจากการรับประทานอาหาร จากการพักผ่อน จากการได้อยู่กับคนที่รัก เป็นต้น
แนวทางปฏิบัติเพื่อดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์
- รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ ไม่ควรโลภมาก ไม่ควรทะเยอทะยานมากเกินไป เพราะความโลภจะนำไปสู่ความทุกข์
- รู้จักใช้ลาภอย่างมีสติ ไม่ควรใช้ลาภในทางที่ผิด เช่น ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือใช้ลาภเพื่อเบียดเบียนผู้อื่น
- รู้จักแบ่งปันลาภให้กับผู้อื่น การแบ่งปันลาภให้กับผู้อื่นจะช่วยให้เรามีความสุขใจ และเป็นการช่วยสร้างสังคมที่ดีขึ้น
หากเราปฏิบัติตนตามแนวทางเหล่านี้ เราก็จะสามารถดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ได้อย่างมีความสุข
2. ยศ
ยศ หมายถึง ตำแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้น ความเป็นที่นับหน้าถือตา ความมีอำนาจ เป็นต้น ยศเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาที่จะประสบพบเจอ เพราะยศสามารถนำมาซึ่งอำนาจ ความมีอิทธิพล และเกียรติยศ
ตัวอย่างของโลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ในชีวิตประจำวัน
- ได้รับเลื่อนตำแหน่ง
- ได้รับรางวัล
- ได้รับเกียรติยศ
แนวทางปฏิบัติเพื่อดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์
- ใช้ยศอย่างมีสติ ไม่ควรใช้ยศเพื่อเบียดเบียนผู้อื่น หรือใช้ยศเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
- ไม่ยึดติดกับยศ ไม่ควรคิดว่ายศเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต เพราะยศเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน
- รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ ไม่ควรทะเยอทะยานที่จะได้ยศที่สูงๆ เสมอไป
หากเราปฏิบัติตนตามแนวทางเหล่านี้ เราก็จะสามารถดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ได้อย่างมีความสุข
3. สรรเสริญ
สรรเสริญ หมายถึง การได้รับคำชมเชย การยกย่อง การนับถือ เป็นต้น สรรเสริญเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาที่จะประสบพบเจอ เพราะสรรเสริญสามารถนำมาซึ่งความภาคภูมิใจ ความมั่นใจ และความสุขใจ
ตัวอย่างของโลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ในชีวิตประจำวัน
- ได้รับคำชมเชยจากหัวหน้างาน
- ได้รับคำยกย่องจากเพื่อนร่วมงาน
- ได้รับคำชื่นชมจากสังคม
แนวทางปฏิบัติเพื่อดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์
- ไม่ยึดติดกับสรรเสริญ ไม่ควรคิดว่าสรรเสริญเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต เพราะสรรเสริญเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน
- รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ ไม่ควรทะเยอทะยานที่จะได้สรรเสริญจากผู้อื่นเสมอไป
หากเราปฏิบัติตนตามแนวทางเหล่านี้ เราก็จะสามารถดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ได้อย่างมีความสุข
4. สุข
สุข หมายถึง ความสบายกายสบายใจ ความเบิกบาน บันเทิงใจ เป็นต้น สุขเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาที่จะประสบพบเจอ เพราะสุขสามารถนำมาซึ่งความสดชื่น ความกระปรี้กระเปร่า และความสุขใจ
ตัวอย่างของโลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ในชีวิตประจำวัน
- มีความสุขกายสบายใจ
- ได้รับความสุขจากการรับประทานอาหาร
- มีความสุขจากการพักผ่อน
- มีความสุขจากการได้อยู่กับคนที่รัก
แนวทางปฏิบัติเพื่อดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์
- รู้จักหาความสุขจากภายใน ไม่ควรแสวงหาความสุขจากภายนอกเพียงอย่างเดียว
- รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ ไม่ควรทะเยอทะยานที่จะได้ความสุขที่มากขึ้นเสมอไป
หากเราปฏิบัติตนตามแนวทางเหล่านี้ เราก็จะสามารถดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ได้อย่างมีความสุข
โลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ คือ ฝ่ายที่มนุษย์ไม่พอใจมี 4 เรื่อง คือ
1. เสื่อมลาภ
เสื่อมลาภ หมายถึง การสูญเสียลาภที่ได้มาแล้ว เช่น สูญเสียทรัพย์สมบัติ สูญเสียตำแหน่งหน้าที่ สูญเสียความรักความชื่นชม เป็นต้น เสื่อมลาภเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนไม่ปรารถนาที่จะประสบพบเจอ เพราะเสื่อมลาภสามารถนำมาซึ่งความทุกข์ ความยากลำบาก และความไม่มั่นคงในชีวิต
ตัวอย่างของโลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ในชีวิตประจำวัน
- สูญเสียทรัพย์สมบัติ เช่น ประสบอุบัติเหตุสูญเสียทรัพย์สิน ธุรกิจล้มละลาย เป็นต้น
- สูญเสียตำแหน่งหน้าที่ เช่น ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ถูกลดเงินเดือน เป็นต้น
- สูญเสียความรักความชื่นชม เช่น ถูกคนรักทอดทิ้ง ถูกเพื่อนร่วมงานรังเกียจ เป็นต้น
แนวทางปฏิบัติเพื่อดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์
- ไม่ยึดติดกับลาภ ไม่ควรคิดว่าลาภเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต เพราะลาภเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน
- รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ ไม่ควรทะเยอทะยานที่จะได้ลาภที่มากขึ้นเสมอไป
- รู้จักหาความสุขจากภายใน ไม่ควรแสวงหาความสุขจากภายนอกเพียงอย่างเดียว
หากเราปฏิบัติตนตามแนวทางเหล่านี้ เราก็จะสามารถดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ได้อย่างมีความสุข
2. เสื่อมยศ
เสื่อมยศ หมายถึง ตำแหน่งหน้าที่ที่ลดลง ความเป็นที่นับหน้าถือตาที่ลดลง ความมีอำนาจที่ลดลง เป็นต้น เสื่อมยศเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนไม่ปรารถนาที่จะประสบพบเจอ เพราะเสื่อมยศสามารถนำมาซึ่งความอับอาย ความเสียหน้า และความไม่มั่นคงในชีวิต
ตัวอย่างของโลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ในชีวิตประจำวัน
- ถูกลดตำแหน่งหน้าที่
- ถูกเพิกถอนใบอนุญาต
- ถูกลงโทษทางวินัย
แนวทางปฏิบัติเพื่อดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์
- ไม่ยึดติดกับยศ ไม่ควรคิดว่ายศเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต เพราะยศเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน
- รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ ไม่ควรทะเยอทะยานที่จะได้ยศที่สูงๆ เสมอไป
- รู้จักหาความสุขจากภายใน ไม่ควรแสวงหาความสุขจากภายนอกเพียงอย่างเดียว
หากเราปฏิบัติตนตามแนวทางเหล่านี้ เราก็จะสามารถดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ได้อย่างมีความสุข
3. นินทาว่าร้าย
นินทาว่าร้าย หมายถึง การกล่าวร้ายผู้อื่นด้วยถ้อยคำที่ไม่ดี เช่น ติฉินนินทา ใส่ร้ายป้ายสี เป็นต้น นินทาว่าร้ายเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนไม่ปรารถนาที่จะประสบพบเจอ เพราะนินทาว่าร้ายสามารถนำมาซึ่งความทุกข์ ความอับอาย และความเสียหายต่อชื่อเสียง
ตัวอย่างของโลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ในชีวิตประจำวัน
- ถูกเพื่อนร่วมงานนินทาว่าร้าย
- ถูกคู่แข่งธุรกิจใส่ร้ายป้ายสี
- ถูกคนรู้จักนินทาว่าร้าย
แนวทางปฏิบัติเพื่อดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์
- ไม่ใส่ใจกับคำนินทาว่าร้าย ไม่ควรปล่อยให้คำนินทาว่าร้ายมากระทบจิตใจเรา
- ฝึกฝนจิตใจให้เข้มแข็ง ไม่ควรปล่อยให้คำนินทาว่าร้ายมาทำให้จิตใจอ่อนแอ
- ทำดีต่อไป แม้จะถูกนินทาว่าร้าย แต่เราก็ควรทำดีต่อไป เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น
หากเราปฏิบัติตนตามแนวทางเหล่านี้ เราก็จะสามารถดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ได้อย่างมีความสุข
4. ทุกข์
ทุกข์ หมายถึง ความทุกข์ทรมานทางกายและทางใจ เช่น ความเจ็บปวด ความเศร้าโศก ความเสียใจ เป็นต้น ทุกข์เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องประสบพบเจอ เพราะทุกข์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของชีวิต
ตัวอย่างของโลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ในชีวิตประจำวัน
- เจ็บป่วย
- สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
- ประสบอุบัติเหตุ
แนวทางปฏิบัติเพื่อดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์
- ฝึกฝนจิตใจให้เข้มแข็ง ไม่ควรปล่อยให้ความทุกข์มาทำให้จิตใจอ่อนแอ
- หาทางแก้ไขความทุกข์ หากมีความทุกข์เกิดขึ้น เราก็ควรหาทางแก้ไขความทุกข์นั้น
- พึ่งพาธรรมะ ธรรมะสามารถช่วยให้เราเข้าใจความทุกข์ และช่วยให้เราผ่านพ้นความทุกข์ไปได้
หากเราปฏิบัติตนตามแนวทางเหล่านี้ เราก็จะสามารถดำรงตนอยู่ท่ามกลางโลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ได้อย่างมีความสุข
โลกธรรม 8 จากพระไตรปิฎก
[๙๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โลกธรรม ๘ ประการนี้แลย่อมหมุนไปตามโลก และโลกย่อมหมุนไปตามโลกธรรม ๘ ประการ๘ ประการเป็นไฉน คือ ลาภ ๑ ความเสื่อมลาภ ๑ ยศ ๑ ความเสื่อมยศ ๑ นินทา ๑ สรรเสริญ ๑ สุข ๑ ทุกข์ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โลกธรรม ๘ ประการนี้แล ย่อมหมุนไปตามโลก และโลกย่อมหมุนไปตามโลกธรรม ๘ ประการนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายลาภก็ดี ความเสื่อมลาภก็ดี ยศก็ดี ความเสื่อมยศก็ดี นินทาก็ดีสรรเสริญก็ดี สุขก็ดี ทุกข์ก็ดี ย่อมเกิดขึ้นแก่ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับย่อมเกิดขึ้นแม้แก่อริยสาวกผู้ได้สดับ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในข้อนี้จะมีอะไรแปลกกัน มีอะไรผิดกัน มีอะไรเป็นข้อแตกต่างกันระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมของข้าพระองค์ทั้งหลาย มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นมูล มีพระผู้มี-พระภาคเจ้าเป็นผู้นำ มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นที่พึงอาศัย ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานวโรกาส ขอเนื้อความแห่งภาษิตนี้แจ่มแจ้งกะพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด ภิกษุทั้งหลายได้สดับต่อพระ-ผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จักทรงจำไว้. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้นเธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลาภย่อมเกิดขึ้นแก่ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ เขาไม่ตระหนักชัด ไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงว่า ลาภนี้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็แต่ว่าลาภนั้นเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดาความเสื่อมลาภ… ยศ… ความเสื่อมยศ… นินทา… สรรเสริญ…สุข… ทุกข์ ย่อมเกิดขึ้นแก่ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ เขาไม่ตระหนักชัดไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงว่า ทุกข์นี้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็แต่ว่าทุกข์นั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา แม้ลาภย่อมครอบงำจิตของเขาได้ แม้ความเสื่อมลาภ… แม้ยศ… แม้ความเสื่อมยศ… แม้นินทา… แม้สรรเสริญ… แม้สุข… แม้ทุกข์ ย่อมครอบงำจิตของเขาได้ เขาย่อมยินดีลาภที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมยินร้ายในความเสื่อมลาภ ย่อมยินดียศที่เกิดขึ้น ย่อมยินร้ายในความเสื่อมยศย่อมยินดีสรรเสริญที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมยินร้ายในนินทา ย่อมยินดีสุขที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมยินร้ายในทุกข์ เขาประกอบด้วยความยินดียินร้ายอย่างนี้ ย่อมไม่พ้นไปจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะทุกข์ โทมนัสและอุปายาส เรากล่าวว่า ไม่พ้นไปจากทุกข์. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลาภย่อมเกิดแก่อริยสาวกผู้ได้สดับอริยสาวกนั้น ย่อมตระหนักชัด ทราบชัดตามความเป็นจริงว่าลาภเกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็แต่ว่าลาภนั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ความเสื่อมลาภ… ยศ… ความเสื่อมยศ…นินทา… สรรเสริญ… สุข… ทุกข์ย่อมเกิดขึ้นแก่อริยสาวกผู้ได้สดับ อริยสาวกนั้นย่อมตระหนักชัด ทราบชัดตามความจริงว่าทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็แต่ว่า ทุกข์นั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา แม้ลาภย่อมครอบงำจิตของท่านไม่ได้ แม้ความเสื่อมลาภ… แม้ยศ… แม้ความเสื่อมยศ… แม้นินทา… แม้ สรรเสริญ… แม้สุข… แม้ทุกข์ย่อมครอบงำจิตของท่านไม่ได้ท่านย่อมไม่ยินดีลาภที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ยินร้ายในความเสื่อมลาภไม่ยินดียศที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ยินร้ายในความเสื่อมยศ ไม่ยินดีความสรรเสริญที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ยินร้ายในนินทา ไม่ยินดีสุขที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ยินร้ายในทุกข์ ท่านละความยินดียินร้ายได้แล้วเด็ดขาดอย่างนี้ ย่อมพ้นไปจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์โทมนัส และอุปายาส เรากล่าวว่า ย่อมพ้นไปจากทุกข์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็นความแปลกกัน ผิดกัน แตกต่างกัน ระหว่างอริยสาวก ผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ฯลฯ
หลักธรรมของศาสนาพุทธที่ควรทราบ
ธรรมะในชีวิตประจำวัน
การนำหลักธรรมคำสอนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ถือเป็นบุญอย่างหนึ่งของชาวพุทธ หลักการธรรมะที่เราเรียนรู้ ไม่เพียงช่วยให้เรามีสมาธิและความสงบในใจ แต่ยังช่วยให้เราทำความเข้าใจเรื่องราวของชีวิต และวิธีการรับมือกับความทุกข์ทั้งในทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ มาดูกันว่าเราสามารถนำหลักธรรมะข้อใดมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันบ้าง
- อริยสัจ 4 ในชีวิตประจำวัน
- สังคหวัตถุ 4 ในชีวิตประจำวัน
- พรหมวิหาร 4 ในชีวิตประจำวัน
- อิทธิบาท 4 ในชีวิตประจำวัน
- โลกธรรม 8 ในชีวิตประจำวัน
- มรรค 8 ในชีวิตประจำวัน
- ทิศ 6 ในชีวิตประจำวัน
ที่มา
- พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). “พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์”
- dhammahome.com
เอิ้นเฟิร์น says
อยากเรียนทุกอย่างเลย
วิฑูรย์ says
ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ เป็นส่วนหนึ่งของหลักธรรมใด
นายติวฟรี says
ทั้งสี่เป็นส่วนหนึ่งของโลกธรรม 8 ครับ
FirestormGaming says
ดีเหลือเกิน
ปุ๊ก says
ขอบคุณที่สอนเราในเรื่องของความอบอุ่นและเมตตา
อรวรรณ says
บทความนี้เป็นแหล่งข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับธรรมะ
Madara Uchiha says
มีประโยชน์มากค่ะ
Nok Sansanee says
ดีแล้วนะ!
Natthawut says
ขอบคุณสำหรับคำสอนเรื่องการให้เสมอ
นาครณ says
ธรรมะทำให้เรามีสมาธิและความสุขในใจ
สรัล says
ผมได้เรียนรู้จากธรรมะผ่านการสวดมนต์เป็นประจำทุกวัน
อัครพล says
ขอบคุณที่เสนอแนะในการสร้างสังคมที่ดี
Witaya says
ขอบคุณสำหรับคำสอนเรื่องความสงบใจ
อุไรพร says
การปฏิบัติตามธรรมะทำให้ฉันมีความสุขและความสงบใจ
Siriporn says
ขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง!
Gaara says
มันเป็นความสุขจริงๆ ค่ะ
พรรณี นันทวิทยา says
ขอบคุณแบบจริงใจ