สังขาร
สังขาร ในหลักพระพุทธศาสนา หมายถึง สภาพที่ปรุงแต่ง ครอบคลุมถึงความคิด ความรู้สึก เจตนา และอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเรา สังขารเป็นองค์ประกอบหนึ่งของขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของชีวิต สังขารเกิดขึ้นอยู่เสมอและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีทั้งสังขารที่เป็นกุศล (สังขารดี) และสังขารที่เป็นอกุศล (สังขารชั่ว)
การฝึกฝนสังขารเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและเจริญงอกงาม
ประเภทของสังขาร
สังขารสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. กายสังขาร
กายสังขาร หมายถึง สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางกาย เช่น ความคิดที่จะเดิน ความคิดที่จะพูด การกระทำในการเดิน การกระทำในการพูด เป็นต้น
กายสังขาร มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างมาก เพราะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของเรา เช่น การกระทำที่ทำความดี การกระทำที่ทำความชั่ว เป็นต้น
2. วจีสังขาร
วจีสังขาร หมายถึง สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางวาจา เช่น ความคิดที่จะพูด การกระทำในการพูด เป็นต้น
วจีสังขาร มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราเช่นกัน เพราะเป็นตัวกำหนดคำพูดของเรา เช่น คำพูดที่สุภาพ คำพูดที่หยาบคาย เป็นต้น
3. จิตตสังขาร
จิตตสังขาร หมายถึง สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางใจ เช่น ความคิดที่จะคิด การกระทำในการคิด เป็นต้น
จิตตสังขาร มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเรามากที่สุด เพราะเป็นตัวกำหนดความคิดของเรา เช่น ความคิดที่ดี ความคิดที่ไม่ดี เป็นต้น
สังขาร เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ เพราะสังขารถูกปรุงแต่งโดยปัจจัยต่างๆ เช่น กรรม กิเลส และสิ่งแวดล้อม
ความสำคัญของสังขาร
สังขารมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างมาก ดังนี้
- เป็นตัวกำหนดพฤติกรรม สังขารเป็นตัวกำหนดความคิดและความรู้สึกของเรา ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมของเรา เช่น ความคิดที่จะทำความดี ความคิดที่จะทำความชั่ว เป็นต้น
- เป็นตัวกำหนดความคิด สังขารเป็นตัวปรุงแต่งความคิดของเรา เช่น ความคิดที่สร้างสรรค์ ความคิดที่ทำลายล้าง เป็นต้น
- เป็นตัวกำหนดอารมณ์ สังขารเป็นตัวปรุงแต่งอารมณ์ของเรา เช่น อารมณ์ที่สุข อารมณ์ที่ทุกข์ เป็นต้น
สังขาร เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ เพราะสังขารถูกปรุงแต่งโดยปัจจัยต่างๆ เช่น กรรม กิเลส และสิ่งแวดล้อม
การฝึกฝนสังขาร
สังขารเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ เพราะสังขารถูกปรุงแต่งโดยปัจจัยต่างๆ เช่น กรรม กิเลส และสิ่งแวดล้อมอย่างไรก็ตาม เราสามารถฝึกฝนสังขารของเราให้ดีขึ้นได้ โดยการเจริญสติปัฏฐานและสมาธิ
การฝึกฝนสังขารสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
- ฝึกสติปัฏฐาน การฝึกสติปัฏฐานจะช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของสังขาร โดยฝึกสังเกตความคิด ความรู้สึก เจตนา และอารมณ์ที่เกิดขึ้นในจิตใจของเราอย่างมีสติ
- ฝึกสมาธิ การฝึกสมาธิจะช่วยให้เราฝึกฝนการควบคุมความคิดและความรู้สึกได้ดีขึ้น โดยฝึกจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างมีสมาธิ
- ฝึกเจริญเมตตา การฝึกเจริญเมตตาจะช่วยให้เราฝึกฝนความคิดและความรู้สึกที่ดีงาม เช่น ความคิดที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ความคิดที่จะให้อภัย เป็นต้น
- ฝึกเจริญปัญญา การฝึกเจริญปัญญาจะช่วยให้เราเข้าใจความจริงของสังขาร โดยฝึกพิจารณาถึงความไม่เที่ยง ความทุกข์ และความไม่มีตัวตนของสังขาร
ตัวอย่างการฝึกฝนสังขาร
- เมื่อเราเห็นรูปดอกไม้ที่สวยงาม เราอาจเกิดความคิดอยากชมดอกไม้นั้น เราสามารถฝึกฝนสังขารของเรา โดยเปลี่ยนความคิดจาก “อยากชมดอกไม้” เป็น “ชื่นชมดอกไม้”
- เมื่อเราได้ยินเสียงเพลงไพเราะ เราอาจเกิดความรู้สึกมีความสุข เราสามารถฝึกฝนสังขารของเรา โดยเปลี่ยนความรู้สึกจาก “มีความสุข” เป็น “เบิกบาน”
- เมื่อเราทะเลาะกับคนที่เรารัก เราอาจรู้สึกโกรธ เราสามารถฝึกฝนสังขารของเรา โดยเปลี่ยนความคิดจาก “โกรธ” เป็น “เสียใจ” หรือ “สงสาร” เป็นต้น
การฝึกฝนสังขารเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและเจริญงอกงาม โดยการฝึกฝนสังขารอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของสังขาร ควบคุมความคิดและความรู้สึกได้ดีขึ้น และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ความสัมพันธ์ระหว่างสังขารกับเจตนารมณ์
เคยสงสัยไหมว่าทำไมเราถึงมีความคิดและความรู้สึกต่างๆ เกิดขึ้น ทำไมเราถึงมีพฤติกรรมบางอย่าง และทำไมเราถึงไม่สามารถควบคุมความคิดและความรู้สึกของเราได้ทั้งหมด หากเราศึกษาหลักธรรมของพระพุทธศาสนา เราจะพบว่าคำตอบของคำถามเหล่านี้อยู่ที่ สังขาร และ เจตนารมณ์
- สังขาร คือ การปรุงแต่ง หมายถึง ความคิด ความรู้สึก เจตนา และอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเรา
- เจตนารมณ์ คือ การตั้งใจ หมายถึง ความคิดที่จะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
สังขารและเจตนารมณ์มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด กล่าวคือ สังขารเป็นตัวกำหนดเจตนารมณ์ และเจตนารมณ์เป็นตัวกำหนดสังขาร
สังขารเป็นตัวกำหนดเจตนารมณ์
สังขารคือสิ่งที่ปรุงแต่งความคิดและความรู้สึกของเรา ตัวอย่างเช่น เมื่อเรามองเห็นรูปที่สวยงาม สังขารของเราก็จะปรุงแต่งว่ารูปนั้นสวยงาม จากนั้นเจตนารมณ์ของเราก็จะเกิดความคิดอยากชมรูปนั้น
เจตนารมณ์เป็นตัวกำหนดสังขาร
เจตนารมณ์คือสิ่งที่กำหนดการกระทำของเรา ตัวอย่างเช่น เมื่อเราตั้งใจจะกินอาหาร สังขารของเราก็จะปรุงแต่งว่าอาหารนั้นน่ากิน จากนั้นเราก็จะหยิบอาหารขึ้นมากิน
ข้อชวนคิด
ลองนึกถึงสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตของคุณ แล้วลองพิจารณาว่าสังขารและเจตนารมณ์ของคุณมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร เช่น
- เมื่อคุณเห็นรูปดอกไม้ที่สวยงาม คุณเกิดความคิดอยากชมดอกไม้นั้น สังขารของคุณปรุงแต่งว่าดอกไม้นั้นสวยงาม เจตนารมณ์ของคุณจึงเกิดความคิดอยากชมดอกไม้นั้น
- เมื่อคุณได้ยินเสียงเพลงไพเราะ คุณเกิดความรู้สึกมีความสุข สังขารของคุณปรุงแต่งว่าเสียงเพลงนั้นไพเราะ เจตนารมณ์ของคุณจึงเกิดความรู้สึกมีความสุข
- เมื่อคุณทะเลาะกับคนที่คุณรัก คุณรู้สึกโกรธ สังขารของคุณปรุงแต่งว่าคนที่คุณรักนั้นทำร้ายคุณ เจตนารมณ์ของคุณจึงเกิดความรู้สึกโกรธ
เมื่อคุณเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสังขารและเจตนารมณ์แล้ว คุณจะสามารถควบคุมความคิดและความรู้สึกของคุณได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสังขารในหลักพระพุทธศาสนา
คำถาม: สังขารคืออะไร
คำตอบ: ในหลักพระพุทธศาสนา สังขารเป็นองค์ประกอบหนึ่งของ ขันธ์ ๕ หมายถึง สภาพที่ปรุงแต่ง ครอบคลุมถึงความคิด ความรู้สึก เจตนา และอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเรา
คำถาม: สังขารมีความสำคัญอย่างไร
คำตอบ: สังขารมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างมาก เพราะเป็นตัวกำหนดความคิดและความรู้สึกของเรา ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมของเรา เช่น ความคิดที่จะทำความดี ความคิดที่จะทำความชั่ว เป็นต้น
คำถาม: การฝึกฝนสังขารมีผลอย่างไร
คำตอบ: การฝึกฝนสังขารอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของสังขาร ควบคุมความคิดและความรู้สึกได้ดีขึ้น และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
คำถาม: การฝึกฝนสังขารแตกต่างจากการฝึกฝนเจตนารมณ์อย่างไร
คำตอบ: การฝึกฝนสังขารและการฝึกฝนเจตนารมณ์มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ก็มีความแตกต่างบางประการ ดังนี้
- การฝึกฝนสังขาร เป็นการฝึกฝนความคิด ความรู้สึก เจตนา และอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเรา
- การฝึกฝนเจตนารมณ์ เป็นการฝึกฝนการกำหนดทิศทางของความคิด ความรู้สึก เจตนา และอารมณ์
การฝึกฝนสังขารจะช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของความคิด ความรู้สึก เจตนา และอารมณ์ ในขณะที่การฝึกฝนเจตนารมณ์จะช่วยให้เรากำหนดทิศทางของความคิด ความรู้สึก เจตนา และอารมณ์ของเราได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ตัวอย่างเช่น
- การฝึกฝนสังขาร เช่น การฝึกสังเกตความคิดและความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในจิตใจอย่างมีสติ
- การฝึกฝนเจตนารมณ์ เช่น การฝึกกำหนดทิศทางของความคิดและความรู้สึก เช่น การกำหนดให้คิดถึงแต่สิ่งดีๆ การกำหนดให้รู้สึกขอบคุณ
บทสรุป
สังขารและเจตนารมณ์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของขันธ์ ๕ มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างมาก เราจึงควรศึกษาและทำความเข้าใจสังขารและเจตนารมณ์ เพื่อที่เราจะสามารถควบคุมสังขารและเจตนารมณ์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและเจริญงอกงาม
สำหรับท่านที่นับถือศาสนาพุทธ ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อความเข้าใจในหลักธรรมของพระพุทธศาสนามากขึ้น และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม
ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล
- พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช), พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 12, หน้า 345, มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, กรุงเทพฯ, 2556.
- พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 12, หน้า 704-705, มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, กรุงเทพฯ, 2556.
- สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน ป.ธ.9) (สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ฉบับขยายความ, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10, หน้า 709-710, มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, กรุงเทพฯ, 2558.
- พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ฉบับแปลภาษาอังกฤษ, หน้า 711-712, มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, กรุงเทพฯ, 2556.
- พระมหาสมปอง ฐานุตฺตโร (ป.ธ.9), สังขารในพระพุทธศาสนา, พิมพ์ครั้งที่ 1, หน้า 1-10, สำนักพิมพ์ธรรมสภา, กรุงเทพฯ, 2564.
ร่วมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ “สังขาร (สภาพที่ปรุงแต่ง) หลักธรรมพระพุทธศาสนา”